17 มกราคม 2023
ฝันร้ายอย่างหนึ่งของสาว ๆ ไม่ว่าจะวัยรุ่น วัยทำงานหรือวัยใกล้หมดประจำเดือนก็คงหนีไม่พ้นเรื่องน้องสาวมีกลิ่นคาว แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะวันนี้ Talk to PEACH จะมาปลุกคุณจากฝันร้ายนี้เอง ด้วยเคล็ด (ไม่) ลับกำจัดกลิ่นน้องหนู 7 ประการ พร้อมพาเจาะลึกถึงสาเหตุไม่ให้เกิดซ้ำ นอกจากกลิ่นที่ทำให้ความมั่นใจติดลบแล้วยังอาจเป็นสัญญาณเตือนการติดเชื้อในช่องคลอดก็ได้ หากพร้อมแล้วมาเริ่มต้นเรียนรู้กันเลย
สาเหตุของปัญหาน้องสาวมีกลิ่นคาว ขอบอกได้เลยว่าเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการขาดสุขลักษณะอนามัย อาหารที่ทาน วิธีการทำความสะอาดและการโกนน้องสาว เป็นต้น หากสาว ๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจกับปัญหานี้อยู่ เรามาดูสาเหตุหลักของ น้องสาวมีกลิ่นคาว กันเถอะ
เนื่องจากอาหารแต่ละประเภทจะมีกลิ่นและวัตถุดิบต่างกัน จึงอาจส่งผลต่อเคมีในร่างกายของสาว ๆ ทำให้มีกลิ่นเหม็นหรือมีการตกขาวร่วมด้วย สำหรับอาหารที่ควรงดทานเพื่อลดสาเหตุการเกิดกลิ่น ได้แก่ อาหารหมักดองอย่าง ปูดอง ปลาร้า แกงกะหรี่ กระเทียม หัวหอม อาหารทะเล อาหารจำพวกกรดสูงอย่าง เนื้อแดง บรอกโคลี นมเนย แอลกอฮอล์ รวมไปถึงของหวานแสนอร่อย เนื่องจากน้ำตาลจะเข้าไปทำลายแบคทีเรียชนิดดีภายในน้องสาวของเรานั่นเอง
เราไม่ควรทำความสะอาดน้องสาว ด้วยการใช้ผ้าเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้า เพราะเชื้อโรคจากทวารอาจเข้าไปอาศัยและเจริญเติบโตในช่องคลอดได้ อีกทั้งยังไม่ควรล้างสวน เพราะช่องคลอดจะเปลี่ยนสภาวะเป็นด่างทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ส่งผลให้น้องสาวมีกลิ่นแรงขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงการโกนขน จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากถามว่าน้องสาวมีกลิ่น เกิดจากอะไร อีกหนึ่งคำตอบที่พบได้บ่อยก็คือ การสวมใส่กางเกงที่รัดแน่นจนน้องสาวหายใจไม่ออก การใส่กางเกงในที่อับชื้น พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา รวมถึงการใช้ผ้าอนามัยไม่ถูกสุขลักษณะ โดยเราควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 3 – 4 ชั่วโมง เนื่องจากแบคทีเรียเติบโตได้ที่ในที่อับชื้น
สำหรับอาการน้องสาวมีกลิ่นคาว สามารถพบในรูปแบบของ ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นเน่าไม่คัน หรือมีอาการคันร่วมด้วย โดยอาการแต่ละอย่าง อาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงโรคต่างๆ ได้ มาเริ่มกันที่รูปแบบแรก ช่องคลอดมีกลิ่น แต่ไม่คัน อาการนี้มีสาเหตุที่อาจเกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ ช่องคลอดมีการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ เกิดแบคทีเรียหรือเชื้อรา หากมีตกขาวร่วมด้วยสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากสี ดังนี้
สำหรับอาการคัน จะมีทั้งอาการคันภายในและภายนอก เมื่อคันภายใน สาว ๆ ต้องสังเกตว่ามีตกขาวด้วยหรือไม่? รวมถึงมีสิ่งแปลกปลอมใดภายในหรือเปล่า? หากเป็นอาการคันภายนอก เราอาจจะต้องดูเรื่องผื่น ซึ่งเป็นอาการที่บอกว่ามีเชื้อราที่ขาหนีบ ทั้งนี้ หากน้องสาวของเรามีกลิ่นเหม็นรุนแรงผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ เนื่องจากอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกที่ปากมดลูก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของลำไส้และการป่วยโรคทริคิโนซิส (Trichinosis) ที่เกิดจากปรสิตได้อีกด้วย
ปัญหาเรื่องน้องสาวมีกลิ่น แก้ยังไง บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด วันนี้ Talk to PEACH หยิบวิธีการ 5 ข้อมาฝากสาว ๆ ทุกคนซึ่งเป็นแนวทางทั้งธรรมชาติที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ และการใช้ยารักษา จะน่าสนใจอย่างไร? ไปดูกันเลย
สำหรับวิธีสยบปัญหาน้องสาวมีกลิ่นคาว ข้อแรก เราต้องเริ่มทำความสะอาดร่างกายก่อน ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง รวมถึงทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำเปล่าภายนอกช่องคลอดเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ เนื่องจากจะทำให้ค่า pH บริเวณช่องคลอดลดลง ส่งผลให้แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ดี จนทำให้น้องสาวของเราเกิดกลิ่นเหม็นอับได้
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องกางเกงชั้นใน ไม่ควรใส่หากมีความอับชื้น หรือขนาดรัดรูปจนเกินไป เลือกใช้เนื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติอย่างฝ้ายจะช่วยระบายความอับชื้นได้ ส่วนในช่วงมีประจำเดือนก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยอยู่เสมอทุกๆ 3 – 4 ชั่วโมง
สำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะสามารถขจัดปัญหาเรื่องกลิ่นและอาการตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะอาจส่งผลข้างเคียงเมื่อทานเป็นเวลานานต่อเนื่องหรือขณะที่ตั้งครรภ์ โดยประเภทยาที่แพทย์แนะนำ ได้แก่
เมโทรนิดาโซลเป็นยาทานขนาด 500 mg. ทานวันละ 2 ครั้งต่อเนื่องกัน 7 วัน
คลินดามัยซินเป็นยาประเภทครีมที่ใส่ภายในช่องคลอดก่อนนอนต่อเนื่อง 7 วัน และมีแบบทานขนาด 300 mg. ทานวันละ 2 ครั้งต่อเนื่องกัน 7 วัน เช่นเดียวกัน
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า อาหารหลากหลายประเภทเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำ ให้น้องสาวมีกลิ่นคาว แต่ก็มีตัวช่วยดี ๆ ในการดับกลิ่นได้เช่นเดียวกันอย่างนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ ‘แลคโตบาซิลลัส’ (Lactobacillus) ซึ่งสามารถลดการเพิ่มจำนวนเชื้อราในช่องคลอดได้ แต่ไม่สามารถขจัดกลิ่นได้ 100% จำเป็นต้องทำร่วมกับข้ออื่น ๆ ด้วย
การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อ อันเป็นต้นตอของกลิ่นนั่นเอง ดังนั้น Play Safe กันทุกครั้งนะสาว ๆ นอกจากนี้ เราควรตรวจมะเร็งปากมดลูกปีละครั้งในช่วงวัย 21 – 64 ปี เพื่อป้องกันโรคร้ายที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว
สำหรับสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายตามท้องตลาดคือ ‘ทับทิม’ ซึ่งอยู่ใน 2 รูปแบบ อย่างแรกคือแบบทาน จะช่วยดูแลจุดซ่อนเร้นพร้อมกับป้องกันมะเร็งปากมดลูกและปรับสมดุลฮอร์โมนสำหรับผู้ที่ใกล้หมดประจำเดือน และรูปแบบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่า pH พอเหมาะ อ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง คงความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการระคายเคืองต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสมุนไพรยอดนิยม นั่นคือ ‘ว่านชักมดลูก’ ที่ช่วยขับน้ำคาวปลา รักษาอาหารตกขาว แถมช่วยลดปวดประจำเดือนอีกด้วย
หากคุณกำลังเผชิญปัญหากลิ่นน้องสาวคาวแต่เขินอาย สามารถพูดคุยได้ทั้งผ่านวิดีโอคอล และแชทถาม-ตอบผ่านแอป Talk to PEACH หรือ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk To PEACH: http://bit.ly/417az7i
ปัญหาเพศหญิง
สุขภาพเพศทางกาย